วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

บทที่ 1 ความเป็นมาเเละความสำคัญ

บทที่1
บทนำ

ความเป็นมา และความสำคัญของปัญหา
ในอดีตภาครัฐและเอกชนมีการสนับสนุนให้นักเรียนเมื่อจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่3 เรียนต่อสายสามัญมากกว่าสายอาชีพ ทั้งนี้เพราะว่าทางรัฐต้องการบุคลากรที่จะมาเป็นกำลังหลักช่วยพัฒนาประเทศชาติจึงทำให้ในช่วงนั้นนิยมเรียนสายสามัญมากกว่าสายอาชีพ แต่ในปัจจุบันนี้ทางภาครัฐมีการสนับสนุนให้เรียนสายอาชีพมากกว่าสายสามัญ เนื่องจากมีการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท คนที่จบปริญญาตรีค่าแรงเริ่มต้นอยู่ที่15000 บาท ทางผู้ประกอบการจึงต้องการแรงงานที่มีความรู้ความสามรถในการทำงาน ให้เหมาะสมกับค่าแรง จึงมีการรับคนที่จบจากสายอาชีพจำนวนมากกว่าคนที่จบจากสายสามัญแล้วเรียนต่อมหาลัย เนื่องจากคนที่จบจากสายอาชีพมีประสบการณ์ตรงในการทำงาน แต่คนที่จบจากสายสามัญแล้วต่อมหาลัยไม่มีประสบการณ์ในการทำงาน จึงทำให้คนที่จบจากสายสามัญแล้วต่อมหาลัยมีปริมาณคนวางงานสูงมากกว่าคนจบจากสายอาชีพ จึงทำให้มีการสนับสนุนให้เรียนสายอาชีพเพื่อตอบสนองความต้องการแรงงานของผู้ประกอบการและลดอัตราการวางงานให้น้อยลง
เนื่องจากปัจจุบันมีการสนับสนุนให้เรียนสายอาชีพมากขึ้น จึงอยากทราบว่านักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนอ้อมน้อยโสภณชนูปถัมภ์ ในปีการศึกษาปัจจุบัน มีความต้องการศึกษาในด้านแผนการเรียนใด ระหว่างสายสามัญหรือสายอาชีพ
กลุ่มเป้าหมาย
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่3 จำนวน 100 คน ชาย 50คน และ หญิง 50 คน
จุดมุ่งหมายของการศึกษาค้นคว้า
เพื่อศึกษาความต้องการศึกษาต่อของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

สมมติฐานของการศึกษาค้นคว้า
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่3 เลือกศึกษาต่อสายอาชีพมากกว่าสายสามัญ
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า
แบบสอบถาม
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการศึกษาค้นคว้า
1. ทำให้ทราบถึงค่านิยมการเลือกศึกษาต่อของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่3 ในปัจจุบัน ว่ามีความต้องการในการศึกษาต่อในสายอาชีพหรือสายสามัญมากกว่ากัน


2. เป็นข้อมูลเบื้องต้นสำหรับโรงเรียนเพื่อจัดกิจกรรมแนะแนวการศึกษา ให้แก่นักเรียน มัธยมศึกษาชั้นปีที่ 3 ต่อไปได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น